หลักการแต่งกลอนสุภาพ
กลอนสุภาพรุ่งเรืองในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กวีที่มีฝีมือยอดเยี่ยมทางกลอน คือ สุนทนภู่ และเป็นผู้คิดสัมผัสในเพิ่มขึ้นเป็น แบบฉบับ เพื่อความไพเราะของกลอน
กลอนสุภาพเรียกอีกอย่างว่า กลอนแปด หรือ กลอนตลาด
- แต่ละบทมี ๒ บาท แต่ละบาทจะมี ๒วรรค
- แต่ละวรรค จะมี ๘ คำ (ปกติจะใช้คำได้ ได้ ระหว่าง ๗-๘ คำ)
- บทที่ ๑ เรียกว่า บาทเอก มี ๒ วรรค คือ วรรคสดับ (วรรคต้น) และวรรครับ
- บทที่ ๒ เรียกว่า บาทโท มี ๒ วรรค คือ วรรครอง และวรรคส่ง- แต่ละบทมี ๒ บาท แต่ละบาทจะมี ๒วรรค
- แต่ละวรรค จะมี ๘ คำ (ปกติจะใช้คำได้ ได้ ระหว่าง ๗-๘ คำ)
- บทที่ ๑ เรียกว่า บาทเอก มี ๒ วรรค คือ วรรคสดับ (วรรคต้น) และวรรครับ
ฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ
- พยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับพยางค์ที่ ๓ หรือ ๕ ในวรรคที่ ๒
- พยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๒ สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๓ และสัมผัสกับพยางค์ที่ ๓ หรือ ๕ ในวรรคที่ ๔
- สัมผัสระหว่างบทพยางค์สุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทถัดไป
- คำสุดท้ายวรรคที่ ๔ (วรรคส่ง) คำสุดท้ายไม่นิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์ซึ่งอาจจะใช้คำตายเสียงตรีบ้างก็ได้
ที่มา ; http://www.digitalschool.club/digitalschool/m2/th2_2/lesson1/content1/index.php
- สัมผัสระหว่างบทพยางค์สุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทถัดไป
การสัมผัส
สัมผัสเป็นลักษณะสำคัญของคำประพันธ์ไทย ลักษณะสัมผัสมีดังนี้
- สัมผัสพยัญชนะหรือสัมผัสอักษร คือ มีพยัญชนะต้นของคำเหมือนกัน
- สัมผัสสระ คือ ถ้ามีสระเดียวกัน หากมีตัวสะกดต้องเป็นเสียงพยัญชนะสะกดในมาตรเดียวกัน
- สัมผัสใน คือ สัมผัสที่อยู่ในวรรคเดียวกัน มีทั้งสัมผัสสระ และสัมผัสพยัญชนะ
- สัมผัสนอก คือ สัมผัสระหว่างคำ ที่อยู่ต่างวรรคกันเป็นสัมผัสบังคับของกลอน
- สัมผัสระหว่างบท คือ ถ้าแต่วงกลอนมากกว่า ๑ บท ต้องมีการส่งสัมผัสให้คำสุดท้ายของวรรคส่งในบทต่อไปสัมผัสคำสุดท้ายของวรรครับในบทถัดไปนอกจากนี้ยังมีการสัมผัสอื่นดังนี้
- สัมผัสซ้ำเสียง คือ รับส่งสัมผัสด้วยคำที่ออกเสียงเหมือนกัน
- สัมผัสเลือน คือ รับส่งด้วยเสียงสระสั้นยาวต่างกัน เช่น ส่งเสียง อาย รับด้วย อัย
- ชิงสัมผัส คือ ใช้เสียงตรงกับคำที่ส่งสัมผัสก่อนตำแหน่งที่รับสัมผัสจริง
เสียงของคำท้ายวรรคของกลอนสุภาพ
เสียงของคำสุดท้ายในแต่ละวรรคของกลอนมีข้อกำหนดในเรื่องเสียงของวรรณยุกต์ เป็นตัวกำหนดด้วยการกำหนดเรื่องเสียงนี้ ถือว่าเป็นข้อบังคับทาง ฉันทลักษณ์ อย่างหนึ่งของกลอนแปด หรือกลอนสุภาพ อันมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้
- คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ (วรรคสดับ) วรรคต้น คำทุดท้ายใช้คำเสียงวรรณยุกต์ใดก็ได้ คือ นอกจากเสียงสามัญ แต่ถ้าจะใช้ก็ไม่ห้าม
- คำสุดท้ายวรรคที่ ๒ (วรรครับ) คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงโท,สามัญ,ตรี และวรรณยุกต์เอก ไม่มีรูป ไม่ห้าม แต่ต้องให้คำสุดท้ายของวรรคครองเป็นเสียงตรี
- คำสุดท้ายวรรคที่ ๓ (วรรครอง) คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวาหรือคำที่มีรูปวรรคยุกต์ - คำสุดท้ายวรรคที่ ๔ (วรรคส่ง) คำสุดท้ายไม่นิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์ซึ่งอาจจะใช้คำตายเสียงตรีบ้างก็ได้
ที่มา ; http://www.digitalschool.club/digitalschool/m2/th2_2/lesson1/content1/index.php
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น